สำหรับผู้ที่ต้องการ สอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ หากยังไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไร ต้องทำอะไรบ้าง ต้องดำเนินการอย่างไร บอกเลยว่าปัจจุบันนี้คงไม่ใช่เรื่องยากแล้ว เพราะขั้นตอนต่าง ๆ ค่อนข้างจะมีความกระชับ ซึ่งขั้นตอนและสิ่งที่ควรรู้ก็มีดังต่อไปนี้
สอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ แบ่งเป็น 2 ประเภท
- ใบขับขี่ส่วนบุคคล สำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน มีอายุ 5 ปี
- ใบขับขี่สาธารณะ สำหรับการรับจ้าง รับส่งคน บรรทุกของ มีอายุ 3 ปี
สอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ ต้องมีอายุเท่าไหร่
การทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ จะมีเงื่อนไขของ ซี.ซี. ของมอเตอร์ไซค์ร่วมด้วย แบ่งได้ดังนี้
- มอเตอร์ไซค์ ไม่เกิน 110 ซี.ซี. ต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไป
- ใบขับขี่ส่วนบุคคล (ชั่วคราว) ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
- ใบขับขี่สาธารณะ จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี และต้องมีใบขับขี่ส่วนบุคคลมาก่อน
เอกสารที่ต้องใช้สำหรับ สอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง
- ใบรับรองแพทย์
- หากเป็นชาวต่างชาติสามารถใช้หนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตแทนบัตรประชาชนได้
ขั้นตอนทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
- สำหรับผู้ที่ต้องการ สอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ ขั้นตอนเรกต้องทำการจองคิวล่วงหน้าโดยสามารถจองผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือที่เว็บไซต์ gecc.dlt.go.th
- เมื่อจองเรียบร้อยให้ไปสำนักงานขนส่งตามวัน เวลา ที่ได้นัดหมายไว้ พร้อมกับเอกสารให้ครบถ้วน
- เมื่อยื่นเอกสารเสร็จจะมีการทดสอบสมรรถภาพร่างกายคือ ทดสอบตาบอดสี ความกว้าง-ลึกของสายตา และทดสอบปฏิกิริยาเท้า โดยการเหยียบเบรก
- เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับกฎหมายจราจร ข้อควรรู้ต่าง ๆ เป็นจำนวน 5 ชั่วโมง
- สอบข้อเขียน 50 ข้อ ต้องตอบถูกอย่างน้อย 45 ข้อ
- สอบภาคปฏิบัติการขับขี่รถ โดยการสอบจะมีทั้งหมด 5 ท่าคือ ขี่ตามเครื่องหมายจราจร, ขี่ทรงตัวในทางแคบ โดยเท้าไม่แตะพื้น 10 วินาที, ขี่เข้าโค้งแคบ รูปตัว Z, ขี่ผ่านโค้ง รูปตัว S และขี่ซิกแซกผ่านสิ่งกีดขวาง
- เมื่อสอบผ่านแล้วก็จะเป็นขั้นตอนการถ่ายรูปออกบัตร โดยจะมีค่าใช้จ่ายคือ ค่าใบขับขี่ 100 บาท และค่าคำขอ 5 บาท
สำหรับผู้ที่ สอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ เป็นครั้งแรกจะได้รับเป็นใบขับขี่แบบชั่วคราวมีอายุ 2 ปี โดยสามารถเปลี่ยนเป็นใบขับขี่เป็นแบบ 5 ปีได้ แต่ต้องจองคิวล่วงหน้า 90 วัน ผ่านล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชันหรือที่เว็บไซต์ เมื่อถึงวันนัดให้เตรียมเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน ใบรับรองแพทย์ และใบขับขี่ฉบับปัจจุบัน โดยจะมีการทำการทดสอบสมรรถภาพร่างกายเท่านั้น ไม่ต้องสอบไม่ต้องเข้ารับการอบรมเหมือนสอบครั้งแรก
จะเห็นได้ว่าการ สอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ ในปัจจุบันมีขั้นตอนที่ง่ายมากขึ้น ดังนั้นหากใครที่ยังไม่มีก็ควรรีบทำ เพราะการใช้รถใช้ถนนโดยไม่มีใบขับขี่หรือเป็นการทำผิดกฎจราจรทางบก หากถูกจับต้องเสียค่าปรับมากกว่าค่าทำใบขับขี่อย่างแน่นอน