ชาหมัก หรือคอมบุชะ (KOMBUCHA) เป็นเครื่องดื่มที่มาจากการหมักจึงมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูง ดูเหมือนเครื่องดื่มอัดแก๊ส โดยมีต้นกำเนิดจากจีนตอนเหนือ รัสเซีย และแถบยุโรปตะวันออก เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (หรืออาจจะมีแต่มักไม่เกิน 0.5%) และมีคาเฟอีนน้อยกว่าในกาแฟ 38.6-65.2 มิลลิกรัมต่อ 100 มิลลิลิตร
ประโยชน์ของ ชาหมัก ที่มีต่อสุขภาพ
เครื่องดื่มชาหมักนั้นเต็มไปด้วยสรรพคุณทางยา โดยเฉพาะจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ที่ร่างกายมนุษย์สร้างขึ้นเองไม่ได้ จุลินทรีย์ชนิดนี้มีผลดีต่อระบบทางเดินอาหาร และระบบขับถ่าย ยิงหากทำมาจากชาเขียวก็จะมีประโยชน์เพิ่มมากขึ้นอย่างเช่น สารพอลีฟีนอลที่มีแอนติออกซิแดนซ์ ช่วยทำให้คอเลสเตอรอล น้ำตาลในเลือด ไขมันหน้าท้องลดลง นอกจากนี้ ยังกระตุ้นระบบเผาผลาญพลังงาน ลดการสะสมสารพิษในตับ ล้างสารพิษในร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกัน แก้โรคปวดข้อ ผิวอักเสบ และโรคหอบหืดเป็นต้น
ชาหมัก ทำมาจากอะไร
วิธีทำคือการนำชา (ชาดำ หรือชาเขียว) ไปหมักรวมกันกับน้ำตาล ยีสต์ และแบคทีเรีย ประมาณ 1- 2 สัปดาห์ ซึ่งไม่ควรหมักนานกว่านี้เพราะจะทำให้เปรี้ยวมากไปจนกลายเป็นน้ำส้มสายชู
วิธี ทำชาหมัก
นำใบชาต้มในน้ำเดือด ประมาณ 15 นาที แล้วกรองใบชาออก ผสมน้ำตาลน้ำตาลซูโครสในปริมาณพอเหมาะแล้วทิ้งไว้จนเย็น แล้วเทใส่ภาชนะที่ไม่ได้ทำมาจากโลหะ แล้วจึงเติมเชื้อจุลินทรีย์พันธุ์ดีหรือ SCOBY ลงไปปิดด้วยผ้าขาวทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง 1-2 สัปดาห์ เมื่อเปิดดู มีแผ่นวุ้นเป็นเหมือนฝ้าสีขาวขุ่นลอยที่ผิวน้ำให้เอาออก เทน้ำใส่ขวดเก็บในตู้เย็นสำหรับเอาไว้ดื่ม
หากใครไม่รู้ว่า SCOBY คืออะไรก็คือแผ่นวุ้นที่ลอยอยู่บนผิวน้ำนั่นเอง ให้เก็บเอาไว้สำหรับทำชาหมักในครั้งต่อไปส่วนการทำครั้งแรกให้ซื้อมาก่อน ซึ่ง SCOBY จะมีหน้าที่ย่อยน้ำตาลให้กลายเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
รสชาติของ ชาหมัก
เครื่องดื่มชาหมักมีกลิ่น และรสชาติ เปลี้ยวอมหวาน (เล็กน้อย) ถือเป็นเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีความซ่าคล้ายกับน้ำไซเดอร์
วิธีดื่มน้ำ ชาหมัก
การดื่มให้ปลอดภัย และมีประโยชน์สูงสุดคือให้ดื่มตอนท้องว่าก่อนมื้ออาหาร หรือหลังอาหาร 30 -60 นาที ในประมาณ 200-300 มล. วันละ 3 ครั้ง ตอนดื่มเข้าไปไม่ควรกลืนลงคอทันที ให้อมเอาไว้ภายในปากสัก 10-15 วินาที หากใครกำลังดื่มใหม่ ๆ ควรดื่มในปริมาณน้อย ๆ อาจจะผสมน้ำ หรือน้ำผลไม้ก็ได้
ถึงแม้ว่า ชาหมัก จะเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ แต่ก็ควรทานในระดับพอดีควรทานอาหารอื่น ๆ ให้ครบหมู่ที่สำคัญเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 4 ขวบ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำไม่ควรดื่ม